การใช้ Generative AI

การใช้ Generative AI

โดย ภีรวิชญ์ ไกรสูรย์ -
Number of replies: 0

อธิบายข้อดี และข้อจำกัดอย่างไร ของ AI ที่ได้ทดลองใช้งาน

ChatGPT
ข้อดีของ ChatGPT:
  • ความสามารถทางภาษาสากล: ChatGPT สามารถสร้างข้อความที่เป็นธรรมชาติและสอดคล้องกันในหัวข้อและภาษาที่หลากหลาย ทำให้สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้หลากหลาย
  • การตอบสนองตามบริบทและการโต้ตอบ: ChatGPT แตกต่างจากแชทบอททั่วไป โดยให้การตอบสนองที่ลึกกว่า สร้างการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติและน่าดึงดูดสำหรับผู้ใช้
  • ความยืดหยุ่น: ChatGPT มีความยืดหยุ่นในการใช้งานในบริบทที่หลากหลาย รวมถึงเป็นผู้ช่วยเสมือน อุปกรณ์ช่วยการเรียน การเขียนเชิงสร้างสรรค์ และอื่นๆ
  • การขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์: ChatGPT สามารถสร้างข้อความเชิงสร้างสรรค์ เช่น บทกวี เรื่องราว และสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งสนับสนุนกระบวนการสร้างสรรค์ของผู้ใช้อย่างมาก
ข้อเสียของ ChatGPT:
  • ข้อจำกัดของการทำความเข้าใจบริบทเชิงลึก: แม้ว่า ChatGPT จะสามารถสร้างข้อความที่ดูสอดคล้องกันได้ แต่บางครั้ง ChatGPT อาจประสบปัญหาในการทำความเข้าใจบริบทที่ซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น การตอบสนองจึงอาจไม่แม่นยำหรือแม่นยำเสมอไป
  • ไม่มีความรู้ที่แท้จริง: ChatGPT อาศัยข้อมูลการฝึกอบรมเท่านั้น และไม่มีความรู้ที่แท้จริง หากไม่ได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้อง อาจส่งผลให้คำตอบผิดได้
  • ไม่มีการตัดสินที่สำคัญ: ChatGPT ไม่มีความสามารถในการประเมินหรือกรองข้อมูล ดังนั้นคำตอบที่ได้จึงไม่ถูกต้องหรือแม่นยำเสมอไป
  • ศักยภาพในการนำไปใช้ในทางที่ผิด: เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่นๆ ผู้คนสามารถใช้ ChatGPT ในทางที่ผิดเพื่อจุดประสงค์ในการฉ้อโกงหรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้และสังคม
Cladue AI
ข้อดี:
  1. การประมวลผลข้อมูลรวดเร็ว: AI สามารถวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันสั้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น.
  2. การทำงานอัตโนมัติ: ลดความจำเป็นในการทำงานด้วยมือ ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ และสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
  3. การปรับปรุงการตัดสินใจ: AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างข้อเสนอแนะแบบอิงตามข้อมูล ช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากขึ้น.
  4. การเรียนรู้จากข้อมูล: AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่และปรับตัวตามสถานการณ์ใหม่ๆ ทำให้สามารถพัฒนาความสามารถได้ตลอดเวลา.
  5. ลดค่าใช้จ่าย: ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานมนุษย์ในการทำงานซ้ำซากหรือการวิเคราะห์ข้อมูล.
ข้อเสีย:
  1. ความซับซ้อนในการตั้งค่าและดูแล: การติดตั้งและดูแลระบบ AI อาจต้องการความรู้ทางเทคนิคและการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ.
  2. ความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด: AI อาจทำผิดพลาดหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องถ้าได้รับข้อมูลที่ไม่ดีหรือมีการตั้งค่าที่ผิดพลาด.
  3. ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว: การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย.
  4. การพึ่งพาเทคโนโลยี: การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียทักษะหรือความสามารถของมนุษย์ในการทำงานบางอย่าง.
  5. ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง: การลงทุนในเทคโนโลยี AI อาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง และอาจไม่คุ้มค่าถ้าหากไม่ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่.
Google Gemini
ข้อดี:
  1. เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย: Google เป็นหนึ่งในผู้นำในด้านการพัฒนา AI และ Machine Learning ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Gemini มักจะเป็นรุ่นล่าสุดและล้ำสมัย.
  2. การบูรณาการที่ดี: Gemini มักจะสามารถบูรณาการกับผลิตภัณฑ์และบริการของ Google อื่นๆ ได้อย่างดี เช่น Google Cloud, Google Workspace, และ Google Ads ทำให้การใช้งานสะดวกและง่าย.
  3. การรองรับการเรียนรู้จากข้อมูลขนาดใหญ่: Google Gemini มักจะสามารถจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์และให้ข้อเสนอแนะแบบอิงจากข้อมูล.
  4. ความแม่นยำและประสิทธิภาพ: โมเดล AI ของ Google มักมีความแม่นยำสูงและมีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้.
  5. การสนับสนุนที่ดี: Google มักจะมีการสนับสนุนและเอกสารที่ดีสำหรับการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาและองค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีได้เต็มที่.
ข้อเสีย:
  1. ค่าใช้จ่าย: การใช้บริการ AI ของ Google อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือการใช้งานที่มีความต้องการสูง.
  2. ความซับซ้อนในการตั้งค่า: การตั้งค่าและการใช้งานเทคโนโลยี AI อาจมีความซับซ้อน ต้องการความรู้ทางเทคนิคและการฝึกอบรม.
  3. ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว: การใช้บริการของ Google อาจมีข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวเนื่องจากการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล.
  4. การพึ่งพาเทคโนโลยีของ Google: การพึ่งพาเทคโนโลยีและบริการของ Google อาจทำให้เกิดความเสี่ยงหากเกิดปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของบริษัท.
  5. ข้อจำกัดในการปรับแต่ง: อาจมีข้อจำกัดในการปรับแต่งหรือการควบคุมที่ละเอียดยิ่งขึ้นในบางกรณี เนื่องจาก Google มักจะมีการควบคุมที่เข้มงวดในด้านการพัฒนาและการใช้งาน.
Microsoft Copilot
ข้อดี:
  1. การทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: Copilot ช่วยให้การทำงานในแอปพลิเคชันของ Microsoft เร็วขึ้น โดยการแนะนำคำแปล, การสร้างข้อความ, หรือการสร้างสูตรใน Excel ทำให้ลดเวลาในการทำงานและเพิ่มผลผลิต.
  2. การเรียนรู้จากข้อมูล: Copilot สามารถเรียนรู้จากการใช้งานและข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้สามารถเสนอคำแนะนำที่เหมาะสมและปรับปรุงคุณภาพของการทำงานได้.
  3. การลดข้อผิดพลาด: ด้วยการช่วยในการสร้างโค้ดหรือข้อความที่ถูกต้องและมีความสอดคล้อง Copilot ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการพิมพ์หรือการคำนวณที่ผิดพลาด.
  4. การบูรณาการที่ดี: Copilot มักจะสามารถบูรณาการกับผลิตภัณฑ์ Microsoft อื่นๆ ได้อย่างดี ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องมือต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น.
  5. การช่วยพัฒนาทักษะ: สำหรับนักพัฒนา Copilot สามารถแนะนำโค้ดและแนวทางการเขียนโปรแกรมใหม่ๆ ซึ่งช่วยในการพัฒนาทักษะและความรู้ทางเทคนิค.
ข้อเสีย:
  1. ค่าใช้จ่าย: การใช้ Copilot อาจมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำหรับฟีเจอร์ที่ใช้ AI ที่มีความซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด.
  2. ข้อผิดพลาดและการคาดการณ์ที่ไม่แม่นยำ: AI ยังมีข้อจำกัดและอาจไม่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้อง 100% เสมอไป ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดหรือข้อเสนอที่ไม่ตรงกับความต้องการ.
  3. ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว: การใช้ AI อาจเกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถสร้างปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะถ้าเป็นข้อมูลที่ละเอียดหรือเป็นส่วนตัว.
  4. การพึ่งพาเทคโนโลยี: การพึ่งพา Copilot อาจทำให้ผู้ใช้ลดทักษะพื้นฐานในการทำงานหรือการเขียนโค้ดด้วยตนเอง และอาจทำให้การพัฒนาทักษะพื้นฐานลดลง.
  5. ความเสี่ยงจากการตั้งค่าและการใช้ผิดวิธี: การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้องหรือการใช้งานที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่เป็นที่พอใจและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงาน.

สรุปเรียงลำดับที่ตนเองชอบ 1 2 3 4 พร้อมเหตุผล

1.ChatGPT 2.Google Genmini 3.Microsoft Copilot 4.Cladue Ai

เหตุผล ความสะดวกในการใช้งาน

 

 

Attachment Screenshot (3).png